การสร้างบ้านสักหลังนึงถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ของใครหลาย ๆ คนเพราะกว่าจะเก็บหอมรอมริบจนกลายเป็นเงินก้อนใหญ่เพื่อจะสร้างบ้านเป็นของตนเอง หรือจะเป็นการนำเงินก้อนมาดาวน์บ้าน ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องผ่อนกับธนาคารต่ออีก 30 - 40 ปี และแน่นอนว่าบ้านหลังนี้จะกลายเป็นที่อยู่อาศัยในระยะยาวไปจนถึงบั้นปลายชีวิตของคุณนั่นเอง
ในเมื่อทรัพย์สินชิ้นโตนี้จะอยู่กับคุณไปตลอดชีวิต แล้วคุณจะไม่หาหลักประกันอะไรให้กับการลงทุนครั้งใหญ่ในชีวิตนี้เลยเหรอ? ดังคำโบราณที่เคยบอกไว้ว่า “โจรปล้น 10 ครั้ง ยังไม่เท่าไฟไหม้ครั้งเดียว”
ดังนั้นเพื่อไม่ให้เงินที่เก็บหอมรอมริบมาทั้งชีวิตสูญเปล่าไปกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันและยังเพิ่มความอุ่นใจให้กับเจ้าของบ้านอีกด้วย การเลือกทำประกันบ้าน ก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่การันตีความปลอดภัยให้คุณได้ไม่มากก็น้อย
เพื่อป้องกันและคุ้มครองความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับบ้านเมื่อต้องพบเจอกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ไฟไหม้หรือแม้แต่ภัยธรรมชาติ แม้จะเป็นสิ่งที่หลายคนไม่อยากให้เกิดขึ้น หรือในความเป็นจริงอาจจะเป็นสถานการณ์ที่หลีกเลี่ยงได้ยากคาดเดาไม่ได้ แต่จะดีกว่าไหม ถ้าหากเราทุกคนสามารถเตรียมตัวตั้งรับเพื่อป้องกันความเสียหายล่วงหน้าได้ด้วยทำประกันภัยบ้าน ซึ่งโดยทั่วไปแล้วประกันภัยบ้านหลัก ๆ จะแบ่งออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่
หากพูดถึงเหตุการณ์ไฟไหม้อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ประกันอัคคีภัย เป็นสิ่งที่ทุกคนควรจะทำเพื่อป้องกันไว้ เพราะอัคคีภัย หรืออุบัติเหตุไฟไหม้ เป็นสิ่งที่ใกล้เรามากที่สุด เพราะเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ไฟฟ้าลัดวงจร อุปกรณ์ไฟฟ้าชำรุด ก๊าซหุงต้มรั่วไหล การหุงต้มหรือประกอบอาหารแล้วขาดความระมัดระวัง และสาเหตุอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งอาจจะเกิดจากความประมาทของเจ้าของบ้านเองหรือเกิดจากผู้อื่น
บทความนี้ ปัญญาฤทธิ์โฮม จะพาคุณไปทำความรู้จักกับประกันอัคคีภัย พร้อมทำความเข้าใจกับเงื่อนไขการคุ้มครอง และหลักการเลือกเบี้ยประกันภัยและทุนประกันภัยที่เหมาะกับบ้านของคุณ
ประกันอัคคีภัยเป็นประกันที่คุ้มครองความเสียหายเกี่ยวกับตัวบ้านจาก 6 ภัยหลัก ซึ่งได้แก่
โดยจะให้ความคุ้มครองโครงสร้างบ้านอันประกอบด้วย ตัวบ้านซึ่งไม่รวมรากฐานที่เคลื่อนย้ายไม่ได้ เช่น กำแพง กระจก หลังคา ผนัง และยังไม่รวมถึงทรัพย์สินภายในสิ่งปลูกสร้างที่มีไว้เพื่อการอยู่อาศัยตามปกติ เช่น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ภายในบ้านหรืออุปกรณ์ตกแต่ง
การทำประกันอัคคีภัยที่ดี ควรทำให้ครอบคลุมมูลค่าบ้านและทรัพย์สินภายในบ้าน ไม่ควรทำประกันภัยที่มีทุนประกันต่ำกว่า 70 % ของมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมด แต่ก็ไม่ควรทำประกันเกินกว่ามูลค่าบ้านและทรัพย์สินภายในบ้าน เพราะหลักการจ่ายค่าสินไหมทดแทน บริษัทประกันอัคคีภัยจะจ่ายให้ตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง แต่ไม่เกินมูลค่าของทรัพย์สินที่ได้ทำประกันไว้
เช่น หากคุณซื้อบ้านพร้อมที่ดินมาในราคา 2,000,000 บาท แบ่งเป็นที่ดิน 1,000,000 บาท บ้าน 1,000,000 บาท ทุนประกันอัคคีภัยที่ครอบคลุมมูลค่าบ้านเท่ากับ 1,000,000 บาท แต่ความคุ้มครองนั้นจะไม่ครอบคลุมเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ แล้วเกิดความเสียหายเฉพาะเฟอร์นิเจอร์เพียงอย่างเดียว คุณจะไม่สามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนได้ นอกเสียจากจะมีการทำประกันทรัพย์สินภายในบ้านเพิ่มเติม เพื่อให้ความคุ้มครองครอบคลุมทั้งตัวบ้านและทรัพย์สินภายในบ้าน
ค่าเบี้ยประกันภัยบ้านจะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับทุนประกันภัยบ้านและประเภทของประกันภัยที่เลือก โดยเบี้ยประกันอัคคีภัยถูกกำหนดโดยกรมการประกันภัย ซึ่งประกันภัยบ้านที่มีทุนประกันหลักล้าน หลายคนคงคิดว่าเบี้ยประกันต้องแพงแน่ ๆ แต่กลับไม่ใช่อย่างที่ทุกท่านคิดเลย ตรงกันข้ามค่าประกันอัคคีภัยบ้านกลับมีอัตราที่ค่อนข้างถูก โดยมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่หลักร้อยไปจนถึงหลักหมื่นเท่านั้น
ส่วนใหญ่จะคิดอัตรา 0.101% ของทุนประกันภัย ซึ่งค่าประกันภัยบ้านแต่ละหลังจะไม่เท่ากัน โดยทางบริษัทประกันภัยจะมีการพิจารณาจาก สถานที่ ลักษณะการใช้สถานที่ ลักษณะสิ่งปลูกสร้าง เช่น ผนัง โครงสร้าง พื้น พร้อมเช็คว่าประเภทประกันภัยบ้านของคุณคือแบบใด นอกจากนี้การติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันภัยต่าง ๆ ไว้ภายในบ้าน เช่น อุปกรณ์ดับเพลิง หรือ เครื่องตรวจจับควัน เป็นอีกตัวช่วยทำให้ค่าประกันอัคคีภัยบ้านถูกลงได้อีกด้วย
เห็นรึยังว่า การมีประกันภัยบ้านช่วยเพิ่มความอุ่นใจให้คนมีบ้านได้มากแค่ไหน ไม่ว่าเหตุการณ์ไม่คาดฝันหรือความโชคร้ายจากอัคคีภัยนั้นจะเกิดจากความประมาทของคุณเอง หรือเกิดจากความประมาทของผู้อื่นก็ตามแต่ การที่คุณมทำประกันภัยบ้านแล้ว จะช่วยบรรเทาความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ เพราะถ้าหากพิจารณาให้ดีแล้วจะพบว่า ค่าเบี้ยประกันภัยบ้านนั้นถือว่ามูลค่าน้อยนิดมาก เมื่อเทียบกับมูลค่าบ้านและสิ่งของมีค่าต่าง ๆ ภายในบ้านของคุณ
เพราะในยามที่เกิดภัยบางคนถึงกับเป็นลมล้มพับกันเลยทีเดียวจากความสูญเสียที่ตั้งรับไม่ทันทั้งชีวิตคนที่คุณรักและทรัพย์สินอันมีค่าที่ไม่อาจหาสิ่งอื่นมาทดแทนได้ แต่หากมีประกันภัยบ้านไว้ อย่างน้อยก็เปรียบเสมือนคุณล้มลงบนฟูก เพราะคุณจะได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนจากการบริษัทประกันเพื่อที่จะสร้างบ้านหรือซ่อมแซมบ้านให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมต่อไป